ต้องจัดว่าเป็นสัปดาห์แห่งประวัติศาสตร์ของ The Voice Thailand Season 2 ก็ว่าได้ กับรอบ Battle ที่นำเอาคู่ต่อกรระดับ "ตัวท็อป" ของแต่ละทีมมารวมอยู่ในเทปเดียวกันจนสร้างความเต็มอิ่มตลอดเกือบสองชั่วโมง และเริ่มจะทำให้เห็นหน้าตาของผู้ที่จะผ่านเข้าสู่รอบ Knockout ซึ่งจะยิ่งทวีความเข้มข้นขึ้นไปอีก
ในสัปดาห์ที่ 3 ของรอบ Battle การดวลไมค์กันระหว่างสุดยอดพลังเสียงเกิดขึ้นหลายคู่ทีเดียว เริ่มตั้งแต่คู่แรกก็เข้มข้นแต่วัน กับลูกทีมของโค้ช เจนนิเฟอร์ คิ้ม ในการดวลไมค์ชุดใหญ่ระหว่างสองหญิงและหนึ่งชาย อิ๊งค์ ชนิตา กระทอง, น้ำ ประภัสสร สันธิศิริ และ กอล์ฟ สุรเดช วัฒนสุนทรกุล ที่ต้องมาทำให้เพลง อยากหยุดเวลา กระตุ้นต่อมน้ำตาผู้ชมและผู้ฟัง และพลังเสียงของฝ่ายชายที่เอาอยู่ในเพลงนี้ก็ทำให้ทั้งสองสาวต้องโบกมือลาอย่างน่าเสียดาย โดยเฉพาะ น้ำ ที่ผู้ชมตั้งข้อสังเกตว่า เธอมาเป็นเพียงไม้ประดับรองบ่อนตั้งแต่รอบ Blind Audition ที่เทปออกอากาศตัดช่วงการร้องของเธอสั้นกว่าทุกคนจนแทบไม่มีใครจำหน้าได้
ส่วนทีมโค้ชก้อง ยังคงมีพลังร็อคเหลือเฟือออกมาโชว์ สัปดาห์นี้ถึงคิวของร็อคบ้านๆ หนุ่มป๊อย สิทธา นิยมเหมา ต้องมาเจอกับร็อคแอนด์โรลอินเตอร์อย่าง อั้มพ์ ณภัทร แก้วดวงใจ ในเพลงร็อคฉบับจิ๊กโก๋ อมพระมาพูด ซึ่งงานนี้หลายคนมองว่า หนุ่มป๊อย น่าจะผ่านไปอย่างสบายๆ กับเพลงที่เข้าปากขนาดนี้ แต่โค้ชก้องก็หักปากกาเซียนด้วยการเลือก อั้มพ์ เข้าสู่รอบต่อไป เพราะมองเห็นถึงลูกเล่นแพรวพราวที่งัดมาใช้อย่างน่าสนใจกว่านั่นเอง
คู่ที่น่ารักน่าลุ้นและเรียกเสียงกรี๊ดได้ดังสุดๆ ยกให้ลูกทีมของโค้ช โจอี้บอย ที่มักจะมีทีเด็ดมาสร้างเซอร์ไพรส์อยู่เสมอ สัปดาห์นี้ สาวเท่ต่างสไตล์จะต้องมาเจอกันในเพลงลูกทุ่งที่ดังระเบิดอย่าง ขอใจเธอแลกเบอร์โทร ในฉบับที่แปลกออกไป งานนี้ ฟ้า ฑิฆัมพร ผลิตาภรณ์ และ ผึ้ง เปมิกา โทณะวณิก โชว์ความเก๋และความเท่บวกความน่ารักในแบบของตัวเองได้อย่างน่าสนใจ แม้ที่สุดแล้ว ความช่างคิดและไอเดียอันบรรเจิดของ ฟ้า ทั้งในการด้นสดและท่วงท่าที่มั่นใจจะทำให้โค้ชโจอี้บอยเก็บตัวไว้ แต่คุณแม่เสียงดีอย่าง ผึ้ง ก็ได้รับโอกาสอีกครั้งจากการ steal ของโค้ชแสตมป์ โชว์ของทั้งคู่จึงไม่เพียงแต่ทำให้ผู้ชมสนุก แต่ทั้งสองสาวน่าจะมีความสุขที่ไม่มีใครต้องออกจากการแข่งขันไปในรอบนี้
ซึ่งก็ใช่ว่าจะมีแต่ทีมโค้ช โจอี้บอย ที่มีไอเดียแปลกๆ ในการทำโชว์ ทีมของ โค้ชแสตมป์ ก็มีลูกเล่นเก๋ๆ มาอวดผู้ชมเช่นกัน สัปดาห์นี้ โค้ชแสตมป์จับลูกทีมมือกีตาร์มาจับไมค์เปล่าๆ ร้องเพลง งานนี้จึงเป็นความท้าทายของหนุ่มมือกีตาร์ โอม ณภัทร ศิรินิล และคู่หูสาวเท่เสียงหวาน ข้าวฟ่าง ประการัง สง่าม้าทอง และ มิลค์ เพ็ญพิศุทธิ์ พวงสุวรรณ มาปะทะไมค์กันในเพลง คิดฮอด ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะฉีกแนว แต่ทั้งหมดก็ทำได้อย่างน่าทึ่ง โดยเฉพาะท่อนร้องที่แต่เดิมเป็นแบบฉบับหมอลำ แต่สองสาวก็ดัดแปลงเป็นเวอร์ชั่นภาษาเหนือที่น่าฟังจนแม้กระทั่ง โค้ชคิ้ม ยังอดชื่นชมไม่ได้ แต่ท้ายที่สุดการร้องที่มั่นคงของ โอม ก็ได้เปรียบกว่าเล็กๆ ซึ่งถือเป็นการตัดสินใจเลือกที่ทำให้โค้ชแสตมป์หนักใจไม่น้อย
ความเข้มข้นอยู่ที่ 2 โชว์สุดท้ายในสัปดาห์นี้ กับโชว์พลังหญิงทั้งรุ่นเล็กและรุ่นดีว่าซึ่งเรียกได้ว่าจัดมาถูกคู่ทั้งสองรุ่น เริ่มที่รุ่นเล็กของทีมโค้ชโจอี้บอย ขวัญใจ The Voice Season 2 อย่าง วี วิโอเล็ต วอเทียร์ จะต้องปะทะกับ แอน ยุพดี หนูกลิ่น สาวที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์เรื่องการร้องมาตั้งแต่รอบ Blind Audition ซึ่งรอบนี้จะเป็นการพิสูจน์ว่าพิษสงของความน่ารักจะทำให้ใครต้องอยู่หรือไป ความมั่นใจที่เกินร้อยของ วี กับเทคนิคการใช้เสียงที่น่าจับตาจึงสยบเสียงของ แอน ราบคาบในเพลง คุกเข่า ฉบับบอสซาโนวา ซึ่งงานนี้ถือว่าสมใจผู้ชมที่ต้องการเห็น วี ปล่อยพลังอีกครั้งในรอบ Knockout
ไฮไลท์คู่เอกอยู่ที่สองสาวดีว่าส์ของทีมโค้ชก้อง หนึ่งคือนางพญาตัวแม่ประจำซีซั่น 2 เก่ง ณัฐิฏา ศรียานนท์และอีกหนึ่งคือดอกไม้เสียงสวย ฟางข้าว ณัชชา จิตตานนท์ สองสาวทำให้โชว์ในเพลง Saving All My Love For You เป็นอีกหนึ่งโชว์ที่ไม่อาจละสายตาได้ ทั้งความมีพลังแบบคุมเวทีได้อยู่หมัดของเก่งและความมั่นใจของฟางข้าว ทั้งคู่ battle กันในสไตล์ถนัดของตัวเอง แน่นอนว่าเป็นโชว์ที่ให้คนเป็นโค้ชเครียดและหนักใจที่สุด และด้วยประสบการณ์บนเวทีที่สูงกว่าก็ทำให้โค้ชก้องต้องเลือกดีว่าส์รุ่นใหญ่ให้เข้าสู่รอบ Knockout แต่พลังบางอย่างของ ข้าวฟ่าง กลับเข้าตาโค้ชคิ้มที่ตัดสินใจ steal เข้าทีมโดยไม่ลังเล โดยเฉพาะประโยคเด็ดที่เปรียบเทียบว่าข้าวฟ่างนั้นเหมือน "ดอกไม้ที่ไม่กลัวแสงอาทิตย์" น่าจะเป็นคำตอบของการตัดสินใจในครั้งนี้
ยังคงเหลืออีก 1 สัปดาห์เท่านั้นสำหรับรอบ Battle ก่อนจะเข้าสู่ความเข้มข้นอีกครั้งในรอบ Knockout ซึ่งเหลืออีกเพียงไม่กี่สัปดาห์ก็จะได้ทราบแล้วว่า ใครที่จะได้เป็น The Voice คนที่สองของประเทศไทยในปีนี้
ติดตามและฟังเพลงฮิตได้ที่ : http://radio.sanook.com/
ที่มาของข่าว : sanook
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น